วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

ผีกะ – ปอบเมืองเหนือ


ผีกะ
เทคนิค : วาดภาพบนกระดาษแต่งภาพ Photoshop
คนไทยกับผีเป็นเพื่อนซี้ที่อยู่คู่กันมายาวนานแล้ว และไม่ใช่ว่าฝ่ายคนจะต้องวิ่งหน้าตั้งหนีผีเสมอไป ในบางท้องถิ่นผีก็เป็นฝ่ายถูกคนจับมาเลี้ยงไว้ใช้งานได้เหมือนกัน
ผีกะเป็นผีพื้นบ้านทางภาคเหนือ ชื่อของยายผีตัวนี้มาจากมารยาทบนโต๊ะอาหาร เพราะนางใช้ช้อนส้อมดินเนอร์หรูมีระดับไม่เป็น แต่จะใช้มือขย้ำอาหารยัดใส่ปากอย่างตะกละตะกราม ก็เลยเรียกกันสั้นๆ ว่า "ผีกะ" มีลักษณะคล้ายผีปอบคือชอบเข้าสิงคนและชอบกินของสดของคาว ทางเหนือเชื่อกันว่าผีกะไม่จำเป็นต้องเป็นวิญญาณเสมอไป บางทีคนเป็นๆ ก็เป็นผีกะได้ ถ้าเผลอไปหลับนอนกับผู้หญิงที่เป็นผีกะ หรือกินข้าวร่วมกับคนที่เป็นผีกะครบเจ็ดไห คนที่เลี้ยงผีจะต้องเซ่นสังเวยด้วยเนื้อสัตว์ดิบๆ ทุกวันที่กำหนดถึงจะสามารถใช้ประโยชน์จากผีกะได้ แต่ถ้าเลี้ยงไม่ดีปล่อยให้ผีกะอดๆ อยากๆ มันจะเข้าสิงคนเลี้ยงทำให้กลายเป็นครึ่งคนครึ่งผี ต้องออกไปจับคนมาแหวะท้องกินตับไตไส้พุงในตอนกลางคืน คล้ายๆ นางผีกระสือของภาคกลาง
ผีกะมีหลายชนิด ชนิดที่เรียกว่าผีกะพระ-นาง เป็นผีที่นักแสดงทางเหนือนิยมเลี้ยงกันมากที่สุด เพราะเชื่อกันว่าต่อให้เจ้าของหน้าตาอะเฟรดชนิดหมอศัลยกรรมยังต้องคืนเงิน แต่ถ้าเลี้ยงผีกะไว้ในตอนกลางคืนมันจะออกมาเลียหน้าทำให้คนเลี้ยงสวยหล่อหยาดฟ้ามาดินเลยทีเดียว และยิ่งดึกเท่าไรก็ยิ่งสวยมากขึ้นเท่านั้น แต่ขอย้ำว่าความสวยนี้จะมาเฉพาะตอนกลางคืน ส่วนกลางวันคาดว่าผีคงจะง่วงนอนเลยไม่รับทำโอที
จากคำบอกเล่า เรื่องผีกะ เป็นคนประเภทหนึ่ง ที่เป็นโรคจิตระดับต่ำถึงปานกลาง ถ้ารุนแรงจะเรียกว่า ปอบ แต่ที่แน่ๆคืออาจจะไม่ใช้แค่คนโรคจิตก็เป็นได้ หากถูกผีกะสิงจริงๆ
ผีกะเป็นผีล้านนาแท้ๆ ผีกะจะสิงอยู่ในคน คนที่ถูกผีกะสิงจะทำตัวไม่เหมือนคนอื่นทั่วไป ผีกะมีหลายประเภท และระดับความแข็งแกร่งของผีกะถ้ามากๆ ก็จะมีการเรียกชื่อเฉพาะ สำหรับผู้ที่ถูกผีกะสิงนั้น จะเต็มใจให้สิง หรือไม่เต็มใจให้สิง ก็ตามแต่ผู้ที่ถูกผีกะสิงจะมีนิสัยผีกะเหมือนกัน มีท่านผู้รู้สันนิษฐานว่าผีกะ มาจากคำสองคำคือ ผี + ตะกะ ตะกะที่หมายความว่ากินมากอย่างไม่รู้จักพอ กินทุกอย่างที่ขวางหน้า ยิ่งของที่ชอบจะกินเยอะเป็นพิเศษและทำทุกวิถีทางให้ได้กิน ดังนั้นผีกะจึงเป็นผีที่สิงอยู่ในคนที่กินเยอะมาก เยอะกว่าที่คนธรรมดาเขากิน สำหรับผีกะที่ชั่วร้ายหรือผีกะที่ค่อนข้างไม่ดีมักจะชอบกินอาหารที่พิสดารยิ่งกว่าอาหารพิสดารทั่วไป เช่นของดิบ ของคาวสดๆ ยิ่งเป็นๆยังไม่ตายได้ยิ่งดี ส่วนผีกะอีกพวกเป็นการยินย่อมของคนที่ให้ผีกะสิงเป็นที่อยู่อาศัย
แต่สำหรับคนที่เลี้ยงผีกะ จะมีสองแบบคือ ยินยอมให้ผีกะสิง กับไม่ยินย่อมให้ผีกะสิง สำหรับคนที่เรียกผีกะทั้งสองแบบนี้จะเป็นที่มีคาถาอาคม ผีกะจะกูกนำไปใส่ไว้ในหม้อดิน มีผ้าขาวปิดเป็นฝา เก็บไว้บนเสาบ้าน บนเพดานบ้าน บนคานบ้าน และจะต้องเลี้ยงเซ่นด้วยไข่ดิบ(นิยมไข่ไก่)วันละหนึ่งฟองโดยจะใส่ไว้ในหม้อดินเป็นประจำ และเปลี่ยนเอาไข่กลวง ซึ่งถูกผีกะเจาะกินไปทิ้ง ผีกะที่อยู่ในหม้อดินจะสิงอยู่ในสิ่งมีชีวิตที่ยังโตไม่เต็มที่เช่น หนอน ลูกนกน้อยที่ขนไม่ขึ้น ลูกหนูที่ตายังไม่ปลิเปิด ถ้าวันใดลืมเลี้ยง หรือมีใครเอาลงมาฆ่า นั่นหมายถึงชีวิตของคนในบ้าน และผู้เลี้ยงผีกะ สำหรับผีกะที่มีคุณก็มี ที่เรียกกันว่า ผีกะพระ-นาง เป็นการนำมาใช้ในการแสดง ไม่ว่าจะเป็นลิเก นักร้องนักดนตรี ผีกะชนิดนี้จะมีลักษณะเหมือนลิง คล้ายวอกคล้ายค่างตัวเล็กๆสองตัวนั่งบนบ่าของคนเลี้ยง คุณประโยชน์ของผีกะชนิดนี้คือ ไม่ว่าคนเลี้ยงจะหน้าตาขี้เหร่ อัปลักษณ์ขนาดไหน ถ้าตกกลางคืนผีกะจะเลียหน้าคนเลี้ยง ทำให้หน้าตาสวยขึ้น หล่อขึ้น ยิ่งดึกมากก็ยิ่งหน้าตาดีมาก การเลี้ยงผีกะจึงถือได้ว่าเป็นแฟชั่นของนักแสดงภาคเหนือ และอาจจะหมายถึงการศัลยกรรมของชาวเหนือด้วย ผีกะมีคุณอนันต์แต่ก็มีโทษมหันต์ หากใครเลี้ยงไม่ดี ปล่อยให้ผีกะอดๆอยากๆ มันก็จะทำให้เจ้าของกลายสภาพเป็นกึ่งคนกึ่งภูติ ชอบสิงสู่ชาวบ้านกินตับไตไส้พุง

ผีกะ  ผีพวกนี้จะมีลักษณะคล้ายผีปอบ คือเข้าสิงในคน และชอบกินของสดของคาว
คนที่เลี้ยงผีกะ เป็นคนที่มีวิชาอาคม เล่นคุณเล่นของ ผีกะจะถูกเลี้ยงไว้ในหม้อดิน โดยมีผ้ายันต์สีขาวปิดปากหม้อไว้ โดยจะวางไว้บนเพดานบ้าน เจ้าของจะเซ่นผีกะด้วยไข่ดิบวันละฟอง
ผีกะ แต่เดิมคนที่เริ่มนำมาเผยแพร่ คือพวกลิเก หรือพวกนักดนตรี ที่แสดงการละเล่น เรียกว่าผีกะพระ-นาง ผีกะชนิดนี้มีลักษณะคล้ายวอกหรือค่าง ตัวเล็กๆสองตัว มักจะนั่งบนบ่าคนเลี้ยง ผีกะชนิดนี้มีคุณประโยชน์ตรงที่ หากใครเลี้ยงไว้ไม่ว่านักแสดงจะขี้เหร่แค่ไหน พอตกกลางคืนมันจะเลียหน้า ทำให้ยิ่งดึกยิ่งงดงาม การเลี้ยงผีกะจึงเป็นแฟชั่นของนักแสดงทางภาคเหนือในช่วงหนึ่งและเริ่มแพร่หลายสู่ภาคเหนือในจังหวัดต่างๆ จนกระทั่งแยกเป็นหลายชนิด ผีกะมีคุณอนันต์แต่ก็มีโทษมหันต์ หากใครเลี้ยงไม่ดี ปล่อยให้ผีกะอดๆอยากๆ มันก็จะทำให้เจ้าของกลายสภาพเป็นกึ่งคนกึ่งภูติ ชอบสิงสู่ชาวบ้านกินตับไตไส้พุง ต้องหาหมอผีมาไล่ออกไปเป็นประจำ

                                                     

ลักษณะ  :  เป็นวิญญาณที่คนนำมาเลี้ยงไว้ในหม้อ  ห่อด้วยผ้าขาว  และจะถูกส่งตกถอดมาสู่ลูกหลานเสมือนเป็นมรดกชิ้นหนึ่ง  แต่ถ้าไม่มีลูกหลานคนใดเหลือให้สืบทอดแล้ว  จะเก็บเอาสิ่งของ  แก้ว  แหวน  เงิน  ทอง  ของมีค่า  ฝังไว้ใต้ดินบริเวณบ้าน  ถ้ามีผู้ใดขุดพบ  แล้วนำไปเป็นของตนเอง  คนนั้นก็จะต้องเป็นเจ้าของผีกะคนต่อไป ผีกะ  จะมีนิสัยอาฆาตแค้นคนที่ทำให้มันอับอาย  ถ้าคนๆนั้นดวงตกเมื่อไร  มันก็จะกลับไปแก้แค้นทันที
อาหาร  :  ผีกะชอบกินของสด  ของคาว  ทั้งของคนและสัตว์



ชนิดของผีกะ
ผีกะได้แตกสาขาออกเป็นหลายชนิด ดังต่อไปนี้

ผีกะพระ-นาง 
ผีกะต้นฉบับดั้งเดิม ไม่มีใครรู้ว่ามาจากที่ไหน แต่เป็นที่นิยมเลี้ยงกัน เพื่อให้มันเรียกคนดูมาชม ทำให้คนดูหลงใหลในการแสดงของนักแสดงคนนั้นๆ แม้ว่ากลางวันจะขี้เหร่แค่ไหน แต่ตอนกลางคืนผีกะสามารถทำให้นักแสดงคนนั้นๆสวยหรือหล่อหยาดฟ้ามาดินได้

ผีกะดง 
จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ บอกว่าผีกะดงนี้ มีอยู่จริงในนิทานพื้นบ้าน ในอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ผีกะชนิดนี้มีความดุร้าย วิ่งไวดุจลมพัด มักออกหากินเป็นฝูงในยามพลบค่ำ แต่น้ำลายของผีกะชนิดนี้วิเศษมาก สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ทุกชนิด ทำให้ร่างกายมีความคงกระพันชาตรี ดังมีเรื่องเล่าว่า มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง งตาไว้ และถีบลูกน้องจนกระเด็นตกเรือนกันหมด พวกผีกะพาเจ้าบ่าวและเจ้าสาวออกมาโดยสะดวก หัวหน้าผีกะให้ทองคำและสมบัติที่พวกตนเฝ้ารักษาไว้ ชายหนุ่มปฏิบัติตามคำสัญญาและนับถือผีกะเป็นผีประจำตระกูลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ผีกะอาคม 
การเรียนวิชาอาคมในสมัยโบราณ ครูจะหวงวิชามาก ดังนั้นก่อนการเรียนจะต้องมีการขึ้นครูก่อนเสมอเพื่อให้อาคมนั้นสามารถรักษาผู้เรียนได้หลงรักลูกสาวของคหบดีในตัวเมือง แต่พ่อตาไม่ชอบเพราะว่าชายหนุ่มจน และจัดการให้ลูกสาวของตนแต่งงานกับชายหนุ่มที่มั่งคั่ง ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็ทราบเรื่องของเจ้าสาวดี จึงส่งคนมาทำร้ายคนรักของเจ้าสาว และหิ้วไปทิ้งในป่า ชายหนุ่มสะบักสะบอม เจ็บทั้งกายและใจ แต่ก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ได้แต่ปลงต่อความตาย รอให้สัตว์ร้ายในป่ามากิน ประจวบกับเวลานั้น มีฝูงผีกะดงกำลังออกหากิน ลูกฝูงผีกะจับขาชายหนุ่มเพื่อลากไปเป็นอาหาร ชายหนุ่มนิ่งเงียบปลงต่อชีวิต หัวหน้าผีกะแปลกใจมาก จึงห้ามลูกฝูงและสอบถามเรื่องราว ชายหนุ่มเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด หัวหน้าผีกะเห็นใจ จึงบอกว่า หากชายหนุ่มยอมนับถือพวกตนเป็นผีประจำตระกูล จะช่วยให้ชายหนุ่มได้สมหวัง ชายหนุ่มตอบตกลง ผีกะจึงพากันรุมเลียตัวของชายหนุ่ม ด้วยอานุภาพน้ำลายบาดแผลจากการถูกทำร้ายหายสนิท ฝูงผีกะพาชายหนุ่มนั่งบนบ่า บุกบ้านแต่งงาน ลูกน้องของเจ้าบ่าวรุมทุบ รุมฟาดชายหนุ่ม แต่ก็ไม่อาจทำร้ายชายหนุ่มได้แม้ปลายขน เพราะฝูงผีกะดงกำบั มีคนบางคนที่เรียนอาคมโดยไม่ได้ขึ้นครูก่อน จึงโดนคำสาปที่ครูสาปแช่งไว้ในปั๊บหรือตำรานั้นๆ ทำให้กลายเป็นผีกะ ผีกะชนิดนี้จะสิงสู่ในตัวผู้เรียนโดยไม่รู้ตัว แต่ยามค่ำคืนมันจะออกไปหาอาหาร โดยแปลงตัวให้เหมือนหน้าร่างกายที่มันสิงอยู่

ผีกะตระกูล 
ผีกะอีกสายหนึ่งที่มีคุณอนันต์เช่นกัน ผีกะชนิดนี้เป็นที่นิยมเลี้ยงแพร่หลายของชาวภาคเหนือ วิธีสังเกตว่าบ้านไหนเลี้ยงผีกะ ให้ดูนาของบ้านนั้นๆ ไม่ว่านานั้นจะอยู่ที่ดอนหรือที่ลุ่ม ไม่ว่าฝนจะแล้งหรือฝนจะขาด นาของบ้านที่เลี้ยงผีกะจะอุดมสมบูรณ์เสมอ ไม่มีแมลงมากวน ไม่มีโรคระบาด ผีกะชนิดนี้เลี้ยงดีมีคุณมาก ถ้าเลี้ยงไม่ดีผีจะออกหากินสิงสู่ชาวบ้าน เมื่อโดนหมอผีไล่ มันก็จะประจานผู้เลี้ยงทำให้อับอายขายขี้หน้าชาวบ้าน.

ผีกะตายโหง 
คนบางคนเมื่อตายโหง จิตใจยังพะวกพะวนกับโลก จึงสิงสู่ในที่ๆตนตาย แต่เพราะความยึดถือในกายว่าตนยังไม่ตาย เมื่อไม่ได้กินอะไรนานๆเข้า มันหิวกระหาย จึงสิงสู่คนผู้มีจิตอ่อนแอทำให้กลายเป็นผีกะโดยไม่รู้ตัว ผีกะชนิดนี้มีอยู่จริงๆ จากเรื่องเล่าของแม่อุ้ยท่านหนึ่ง ว่า มีคนผู้หนึ่งชื่อ หนานเจต ทำนาที่ริมเขตเมืองเก่าแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย(ทางอำเภอเชียงของ) โดยไม่รู้ว่าที่ตรงนั้นเคยมีคนถูกควายขวิดตาย วิญญาณของคนผู้นั้นจึงสิงสู่หนานเจต พอค่ำลงที่ใกล้ๆหนานเจตนั้นมีชาวบ้านคนหนึ่งทำนาอยู่ หนานเจตเดินเข้ามาหาชาวบ้านคนนั้น ชาวบ้านถามว่ามีอะไร หนานเจตไม่ตอบแต่ดวงตาค่อยๆแดงก่ำและมีเขี้ยวงอกออกมา กระโจนเข้าหาชาวบ้านผู้นั้น ชาวบ้านคนนั้นวิ่งหนีลงมาจากระท่อมนาอย่างขวัญกระเจิง มาหาพ่อของย่าที่กำลังนอนอยู่ บอกให้ช่วยไล่ผีไปที พ่อของย่าจึงถือไม้ไผ่และสายสิญจน์เดินไปดู แต่หนานเจตกลับไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ยังคงนอนหลับอยู่ที่ห้าง ผีกะชนิดนี้จึงอาศัยร่างต้นเหมือนปรสิตวิญญาณ จะพาร่างกายออกหากินในยามเจ้าของหลับ


 นกเค้าผีกะ
ผีกะชนิดนี้มีทูตเป็นนกเค้าแมว สังเกตได้ง่ายว่าหากจะมีผีกะมาเยือนหมู่บ้านไหน กลางคืนคืนนั้นจะมีนกเค้าแมวมาร้อง ทั้งๆที่ไม่ใช่ฤดูที่นกควรร้อง(ฤดูหนาว) รุ่งเช้าคนที่เข้ามาหมู่บ้าน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผีกะ
สำหรับระดับความร้ายของผีกะก็จะมีชื่อเรียกเฉพาะไปจนไม่ถูกเรียกว่าเป็นผีกะ
ผีกะที่เข้าสิงคนตอนกลางคืนออกไปหาของกินในยามวิกาลที่คนหลับและคนที่ถูกสิงหลับไม่รู้ตัว ของกินที่ชื่นชอบคือไก่ที่ยังไม่ตาย ส่วนอาหารอันโอชะของผีกะชนิดนี้คือ ไส้คนสดๆกินตอนที่คนยังไม่ตาย ผีกะชนิดนี้ถ้าใครถูกสิงจะตายยากตายเย็น ถูกยิงก็แล้ว ก็ยังไม่ตาย เมื่อเข้าสิงเล็บจะยาวตาจะแดง มีชื่อเฉพาะว่า ผีปอบ
ผีกะที่เป็นผีกะดง ผีกะตระกูล หรือผีกะพระนาง ถ้ากลายเป็นผีร้ายและออกหากินในเส้นทางเดียว หมอผีปราบไม่ได้ ก็จะถูกขนานนามว่า ผีม้าบ้อง ผีม้าบ้องอาจกลับกลายมาเป็นผีดีได้
ผีกะอีกประเภทหนึ่งเป็นผีประเภท “อารักษ์ใหญ่” เรียกขานกันทั่วไปว่า “ผีกะยักษ์” มีหน้าที่เผ้ารักษาวัดร้าง เจดีย์เดิม กรุสมบัติ ป่าดงดิบ เป็นต้น ผีกะยักษ์เป็นผีที่มีฤทธิ์เดชมาก ปกติจะไม่ทำอันตรายแก่มนุษย์ แต่ถ้ามนุษย์เป็นผู้รุกรานก่อน เช่น ลักขุดสมบัติ ตัดไม้ใหญ่ หรือทำการใดที่ผิดป่าผิดธรรมชาติ ผีกะยักษ์จะทำร้ายให้ถึงแก่ชีวิตโดยพลัน ดังนั้นก่อนจะกระทำการใด ๆ กับสถานที่ที่มีผีกะยักษ์เฝ้ารักษาอยู่ ต้องมีพิธีเซ่นสรวงตามความเชื่อก่อนเสมอ
 (ผีกะยักษ์ไม่ใช่ผีเสื้อวัดนะคับ มันมีคุณเหมือนกันแต่คนละผีกัน ผีกะชนิดนี้อาจเกิดจากพระภิกษุเณรที่ทุศีล ศีลขาดเป็นประจำ ขาดซ้ำขาดซ้อน ก็จะกลายเป็นผีกะยักษ์ไดในบางกรณีคับ)
ผมจะบอกวิธีพิสูจน์ว่าใครเป็นผีกะ และการไล่ผีกะนะคับ ในอดีตชาวบ้านที่ไม่ต้องการให้ชายหนุ่มซึ่งเป็นบุตรหลานของตนไปข้องแวะ คบหาหรือแต่งงานกับหญิงสาวในตระกูลผีกะ จึงมักแนะนำให้ลองสังเกตดูว่าสาวที่หมายปองนั้นเป็นผีกะหรือไม่ ให้นำ “ตองกล้วยงำเครือ” คือใบตองของยอดตองกล้วยที่แผ่ใบปกเครือกล้วยอยู่ นำมาเสกเป่าด้วยคาถา แล้วมองผ่านลอดใบกล้วยนั้น ซึ่งบางแห่งว่าให้ใช้ใบพลูก็ได้ และบ้างก็ว่าเพียงก้มมองลอดระหว่างขาของตน จะพบว่ามีวอก ๒ ตัว อยู่ข้างหญิงสาว วอกทั้งสองจะคลอเคลียและแลบลิ้นเลียบริเวณแก้มและใบหน้าหญิงสาวให้ดูงดงามผุดผ่องอยู่เสมอ กล่าวกันว่า ยิ่งดึกสาวเจ้าจะงดงามชวนให้ลุ่มหลงขึ้นเรื่อย ๆ

เรื่องเล่า  :
       ผีกะ  มักจะชอบทำร้ายคนที่ดวงตกขวัญอ่อน  ชอบทำร้ายเด็ก  และทำร้ายคนที่มันหรือเจ้าของไม่ชอบ  การออกไปทำร้ายคนของผีกะนั้น  จะมีอยู่  2  สาเหตุ  คือ 
1.  เจ้าของสั่งให้ไปทำร้าย 
2.  เจ้าของเลี้ยงไม่ดี  ผีกะจึงออกไปทำร้ายคนอื่น  เพื่อให้เจ้าของอับอายขายหน้า



       การทำร้ายของผีกะนั้น  อาจจะเข้าฝันคนที่มันต้องการจะทำร้าย  ในความฝันนั้นผีกะจะเป็นหมาดำ  และจะเข้ามาทำร้ายเราในความฝัน  ถ้าเราสู้มันในความฝันไม่ไหวก็จะชักตายทันที  อีกวิธีในการทำร้ายของผีกะ  จะเข้าคนที่ดวงตก  ขวัญอ่อน  หรือเด็ก  โดยการเข้าสิง  ถ้าไม่มีใครมาปราบผีกะ  คนๆนั้นก็จะตายทันทีเช่นกัน
       คนสมัยก่อนเล่าว่า  ก่อนที่ผีกะจะออกจากร่างชาวบ้านที่มาเห็นจะเอา  เตี่ยวหม้อนึ่ง  (ผ้าที่ใช้พันรอบรอยต่อระหว่างหม้อนึ่งกับไหนึ่งข้าว  ของชาวเหนือ)  พันคอไม่ให้มันออกร่าง  แล้วขู่ให้ผีกะบอกชื่อคนที่เป็นเจ้าของ
ธรรมเนียมการให้เครื่องเซ่นผีกะมีอยู่ว่า ผู้ชายไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เซ่นไข่ดิบคนละฟองเท่านั้น แต่ผู้หญิงจะต้องเซ่นผีกะด้วยเนื้อสัตว์ดิบๆ และถ้าแม่จะตายก็ต้องสั่งเสียให้ลูกสาวทำต่อ ตกทอดกันไปรุ่นสู่รุ่น ถ้าแม่บ้านบ้านไหนเลี้ยงไม่ดีผีกะจะเข้าสิงคนเลี้ยง จากนั้นก็จะแพร่พันธุ์ให้คนในบ้านต่อๆ ไปจนกลายเป็นผีกะกันทั้งบ้าน หลังจากนั้นเชื้อสายของผีกะจะตกทอดไปแบบทายาทอสูร คือลูกสาวคนสุดท้องจะต้องเป็นผีกะต่อจากมารดาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะบ้านนั้นจะสิ้นลูกสิ้นหลาน แต่ถ้าครอบครัวนั้นไม่อยากรับสืบทอดการเป็นผีกะแล้วก็ให้เอาน้ำลายของคนที่เป็นผีกะไปป้ายที่ปากแมวโพง เจ้าเหมียวตัวนั้นก็จะรับการถ่ายทอดเป็นผีกะแทน
ชาวเหนือเชื่อกันว่าผู้หญิงที่เป็นผีกะจะมีเสน่ห์มาก ทำให้ผู้ชายหัวทิ่มหัวตำกันเป็นทิวแถว ถ้าสาวคนไหนมีหนุ่มมารุมจีบเยอะผู้ชายจึงต้องทดสอบว่าเธอเป็นผีกะหรือเปล่า ด้วยการใช้ "ตองกล้วยงำเครือ" (ใบตองใบสุดท้ายที่ปกเครือกล้วย) มาลงคาถาปลุกเสก จากนั้นก็เจาะใบกล้วยเป็นรูแล้วมองหญิงสาวผ่านใบกล้วยไป ถ้าเธอเป็นผีกะ จะเห็นแมวหรอตัววอกตัวเล็กๆ 2 ตัวเกาะอยู่บนบ่าผู้หญิงคนนั้น ช่วยกันแลบลิ้นเลียใบหน้าเธอให้สวยงามมีออร่ามหาละลวยอยู่ตลอดเวลา
ตำนานผีกะจากชาวล้านนา
ผีก๊ะ..เป็นผีชนิดหนึ่งที่รังควานผู้คน..เป็นชื่อที่เรียกกันตามในภาคเหนือ ตรงกับภาษาไทยกลางคือ..ปอบ..ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 คำว่า..ปอบ..น. ผีอย่างหนึ่งเชื่อกันว่าสิงอยู่ในตัวคน กินตับไตไส้พุงจนหมดแล้วออกไป คนนั้นก็ตาย และคำว่า..ผี.. สิงที่มนุษย์เชื่อว่าเป็นสภาพลึกลับมองไม่เห็นตัว แต่อาจจะปรากฏเหมือนมีตัวตนได้ อาจให้คุณหรือโทษได้ มีทั้งดีและร้าย เช่น ผีปู่ ย่า ตา ยาย ผีเรือน ผีห่า เรียกคนที่ตายไปแล้วว่า..ผี.. แต่ผีก๊ะ ภาคเหนือเสมือนมีตัวตน มีวิญญาณ มีชื่อ นามสกุล มีบ้านอยู่ ตามบัตรประชาชนทุกประการ. .ลึกลับน่าฉงนล้ำลึกและแอบแฝงซ่อนเร้นอยู่ในตัวตน สมัยที่บ้านเมืองยังไม่เจริญ ถนนหนทางไฟฟ้า น้ำประปา ยังไม่มี บ้านเมืองชุมชนภาคเหนืออุดมไปด้วยป่าไม้ สัตว์ป่าชุกชุม อารยะธรรมดึกดำบรรพ์ยังไม่จืดจาง
ภูตผี ปีศาจ สิ่งแปลกมักจะปรากฏให้เห็น ประเพณีวัฒนธรรมที่ผูกติดนับถือกันมายังผูกพันล้ำลึก ผีก๊ะในยุคของภาคเหนือ ที่ยังคงล้าหลังด้านวัตถุมีบทบาทแสดงพฤติกรรมอาระวาดเข้าสิ่งผู้คนเป็นประจำบ่อยที่สุด ผีก๊ะกับภูมิหลัง.. ลึกลับและแปลกประหลาด ผีก๊ะเป็นมาโดยกำเนิดของคน ในตระกูลนั้นทั้งหมดและประจำในบ้าน หมู่บ้านทั้งหมดก็มีหากเป็นเชื้อชาติตระกูลญาติเดียวกัน เสมือนกับ..ผีเรือน.. แต่พฤติกรรมของผีก๊ะให้ร้าย ให้ความเสื่อมเสีย ขายหน้าแก่เจ้าของที่มีเชื้อสายเป็น.ผีก๊ะ..ความเข้าใจของชาวบ้าน ตัวผีก๊ะเป็นคนมีชีวิตตัวตน ในตระกูลที่เป็นผีก๊ะทั้งหมด ตัวใดดีตัวใดรายขึ้นอยู่กับอุปนิสัย บางตระกูลบางบ้านที่เป็นผีก๊ะเขามีการเลี้ยงและเอาใจใส่อย่างดี ไม่ให้ผีของตระกูลออกอาระวาดด้วยทำพิธีกรรมแต่ละวิธีของเขา พฤติกรรมผีก๊ะ.. การเข้าสู่สิงคนของผีก๊ะไม่เลือกหญิงชายหรือเพศ สามารถเข้าสิงได้ทั้งนั้น ผีก๊ะคล้ายๆ กับจะออกจากร่างจริงของผู้เป็นแล้วไปเข้าสิงร่างผู้อื่นหรือเหยื่อ โดยเฉพาะกับคนตระกูลอื่นที่ไม่ได้เป็นผีก๊ะ ส่วนมากมักจะเป็นคนอ่อนแอ ขวัญอ่อน หรือสภาพร่างกาย จิตใจไม่สบาย โดยเฉพาะผู้หญิงเมื่อเข้าสิง ผู้ถูกสิงจะแสดงพฤติกรรมต่างๆ ร้องไห้หุย โดยหวนดังลั่นทำหน้าหลอกล่อเลิ่กลั่ก ออกปากเสียงเหมือนผู้ที่เข้ามาสิง เรียกรองเงื่อนไข ส่งเสียงร้องไห้ ทางเหนือเรียกว่า. .หุยสนั่นปั่นปื้น ดังไปสองสามบ้าน เสียงกั้ดเสียงเย็น
ชนิดของผีก๊ะ วัดประเมินจากพฤติกรรมความรุนแรง ความโหด เฮี้ยน (กั่น) และระยะเวลาการเข้าสิงสู่เหยื่อ สามารถแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ.. ผีก๊ะธรรมดา..ไม่เฮี้ยน ไม่โหดเหี้ยมไม่เป็นอันตรายต่อผู้ถูกสิงมากนัก หรือสร้างความรำคราญ แค้นเคียงต่อเหยื่อน้อยมาก เป็นการมาเทียวเยี่ยมเยือนทักทายกับญาติของเหยื่อมีความละอายพอสมควร เข้าสิงไม่นาน บางทีจะออกเอง ไม่จำเป็นต้องใช้หมอปราบ ผีก๊ะหงอน..พฤติกรรมอาละวาด เหี้ยมโหด ทรมาน ใช้เวลานาน หมอปราบหรือปู่จารย์ต้องทำพิธีนานหลายรอบ คำว่า..หงอน..หมายถึงมันแก่เหนี่ยว ทนทาน เสมือนไก่มีหงอน งูมีหงอน คงทนอยู่นาน แก่กล้าวิชา ผีก๊ะยักษ์..พฤติกรรมดุร้าย รุนแรง เก่งกล้าผาดโผนด้วยกำลังวังชาและฤทธิ์เดช เสมือนยักษ์เหยื่อจะได้รับอันตรายถึงป่วยไข้ และถึงเสียชีวิต จำต้องมีหมอผีระดับเซียน ระดับเกจิอาจารย์หรือบางทีต้องใช้หมอผีหลายคนหลายตำราจากหลายสำนัก ช่วยกันเข้าปราบถึงจะเอาอยู่ ใช้เวลานานมาก หรือบางทีไม่สามารถเอาชีวิตเหยื่อไว้ได้ ผีก๊ะ..ออกอาละวาดตอนไหน?..
ตอน..พลบค่ำหรือตอนเย็น หัวค่ำและตอนกลางคืน ตอนอื่นก็มีบ้างเหมือนกัน ผีก๊ะมักกลัวแสงสว่างอยู่แล้วตอนกลางวันจึงเกิดขึ้นน้อยมาก สัญญาณบอกของผีก๊ะ..เมื่อผีก๊ะจะออกอาละวาดจะมีนกเก๊าผีก๊ะ(นกเค้าแมว) บินมาร้องที่บ้านของเหยื่อ กูบแม่ม..!! กูบแม่ม..!! ติดต่อกันหลาย บางครั้งนกเก๊าผีก๊ะบินนำผีก๊ะมาบ้านเหยื่อ ส่งเสียงร้อง แม่ม..กูบแม่ม ๆๆๆ..!! ผ่านเข้าบ้านเกาะหลังคา ประตู หน้าต่าง ทุกคนจะตกใจ เหยื่อเคราะห์ร้าย จะโดนเข้าสิงทันที แสดงอาการร้องไห้หุยๆ ดังลั่น ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังว่า..ถ้าเป็นผีก๊ะหงอนหรือผีก๊ะยักษ์ ผีก๊ะจะขี่ม้าห้อวิ่งมา เสียงวิ่งของม้าดังลั่น.. ก๊อบ ๆ แก๊ป ๆ.. ฝุ่นฟุ้งตลบจากบ้านผีกะมายังบ้านเหยื่อ ฟังแล้วขนลุกซู่ซ่ายิ่งเป็นยายรัตติกาล คนที่นอนหลับใหลแล้วเสียงหุยไห้กังวานขึ้น.. ผีก๊ะหงอนและผีก๊ะยักษ์..เข้าสิงเหยื่อได้ทุกเพศวัย เพราะเฮี้ยนละกั่นอยู่แล้ว เป็นที่หวาดกลัวกันทั่วไป เรื่องราวผีก๊ะนี้ บัดนี้เหตุการณ์บางแห่งก็ยังมีอยู่ แต่ส่วนมากจะเลือนหายไป พร้อมเกิดอารยะธรรมสมัยใหม่ที่หลั่งไหลเข้ามา ในจังหวัดภาคเหนือปัจจุบัน หมู่บ้านผีก๊ะที่ยังมีชื่ออยู่ หลักแหล่งที่ตั้งเป็นที่รู้จักกันทั่วไป และละแวกนั้นๆ อย่างจังหวัดลำพูน ไม่ต้องบอกว่าบ้านไหน หมู่บ้านใด..บางคนจะรู้จักดี..


วิธีการปราบผีกะที่เข้าสิงร่างคน  เท่าที่รู้มามีอยู่  2  วิธี  คือ
       1.  ผู้มีคาถาอาคม  จะขู่  ให้ผีกะบอกชื่อ  จะถามสาเหตุที่มาทำร้ายคน  และไล่ให้ออกจากร่างไป  ถ้าผีกะไม่ยอมออกจากร่าง  ผู้ที่มีคาถาอาคม  จะใช้กะลามะพร้าว  หรือหม้อแกง  สวมศีรษะคนที่ถูกเข้าสิง  แล้วท่องคาถา  เอามีดขูดกะลามะพร้าว  หรือหม้อแกง  เมื่อผีกะออกไปแล้ว  รุ่งเช้า  ผมคนที่เป็นเจ้าของผีกะก็จะร่วงตามมีดที่ผู้มีคาถานั้นขูดกะลามะพร้าว  หรือหม้อแกงไว้  ฉะนั้นชาวบ้านก็จะรู้ได้เลยว่าคนที่ผมร่วงนั้นเป็นเจ้าของผีกะจริงๆ
       2.  ถ้าผีกะไม่ยอมออกจากร่าง  ผู้ที่มีคาถาอาคมเป่าพริกแห้งที่ตำแล้ว  ใส่ตาคนที่ถูกผีกะเข้าสิง  เมื่อผีกะออกจากร่างแล้ว  รุ่งเช้า  คนที่เป็นเจ้าของผีกะนั้นก็จะตาแดง  จนไม่กล้าออกไปข้างนอกบ้าน
           หลังจากนั้นผู้ที่มีคาถาอาคม  จะต้องป้องกันตัวเอง  และลูกหลาน  โดยจะใช้คาถา  ต่อ  7  ตัว  มัดคอลูกหลานไว้  เพื่อที่จะไม่ให้ผีกะทำอันตรายไม่ได้
วิธีปราบผีกะมีหลายวิธี เช่น ผ้าที่ใช้ยารอยต่อของหม้อนึ่งกับไหข้าว เรียกว่า "เตี่ยวหม้อนึ่ง" มาผูกคอคนที่ผีกะเข้าสิง เพราะชาวบ้านเชื่อว่าหม้อข้าวมีเทวดาคุ้มครองอยู่ เมื่อผีเจอกับเทวดาก็เหมือนไม้ซีกมาเจอไม่ซุง ฝ่ายผีก็ต้องมอดม้วยมรณาไปเอง อีกวิธีหนึ่งให้ปลุกเสกพริกหรือพริกไทยพ่นใส่หน้าคนถูกผีเข้า เพราะผีไม่ถูกกับพริก เจอเข้าไปจะแสบตาจนต้องชิ่งหนี
วิธีปราบผีกะที่เข้าสิงผู้หญิงที่ได้ผลมากอีกวิธีหนึ่งคือ จับหญิงนั้นแก้ผ้าประจานหรือไม่ก็ข่มขืนคนที่ถูกผีเข้าสิงเสียเลย (อันนี้โหดแฮะ) ผีจะรีบย้ายที่สิงสถิตด่วนจี๋ แต่จะเพราะอะไรตำราท่านไม่ยักเขียนไว้เสียด้วยสิ
การไล่ก็มีไม้แข็งแบบป่าเถื่อน ไปจนถึงไม่อ่อนๆ ที่ป่าเถื่อนที่สุดคือ เฆี่ยนด้วยหวายอาคมหรืออะไรก็ดี ที่อ่อนที่สุดผมเห็นว่าน่าจะเป็นเป่าคาถาใส่หัวผู้ที่ถูกผีกะสิง โดยเป่าคาถาลงกลางกระหม่อม อีกวิธีที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ ดื่มน้ำมนต์ วิธีที่ดูน่ากลัวแต่ไม่ป่าเถื่อนก็มีการแหกด้วยมีดหมอ การมัดคอ การขูดหัวหม้อ และวิธีที่ไล่มีเปอร์เซ็นต์สำเร็จน้อยที่สุดเห็นจะเป็น ข้าวสารเสก หรือข้าวสารซัด นั้นเอง ยังมีวิธีที่พิสดารกว่านั้นผมว่าไม่สนับสนุนเรื่องนี้ คือการใช้ยาอาถรรพ์ สำหรับพ่อหมอ หรือหมอคาถานั้นเป็นผู้ชายนะคับ ผมก็พอที่จะเรียกได้ว่าเป็นหมอคาถาคนหนึ่ง การใช้ยาอาถรรพ์ที่ปรุงไว้มาลูบไล้ตัวผู้ถูกผีกะสิง ถ้าเป็นผู้ชายด้วยกันก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นผู้หญิงเป็นหญิงสาวอีกต่างหาก อันนี้ใช้วิธีอื่นดีกว่านะคับ เดี๋ยวตบะพ่อหมอจะแตก และจะเป็นการลวนลามอีกต่างหาก

ข่าวผีกะ
คนสุโขทัยผวา! 'ผีกะ'ในร่างหญิงสาว อาละวาดลักกินไก่สด
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 ม.ค. 2556 13:21 

ชาวบ้านทุ่งเสลี่ยม สุโขทัย ผวาผีกะหน้าตาคล้ายหญิงสาว 
ออกอาละวาดกัดกินไก่ในเวลากลางคืน 
จัดเวรยามเฝ้าระวังสัตว์เลี้ยงในบ้าน 
เพราะแค่คืนเดียวไก่ถูกกินมากถึง 4 ตัว บางตัวคอขาด
ถูกกัดก้นกินเครื่องในสดๆ...

เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2556 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน
บ้านโป่งฝาง ต.กลางดง อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย 
ว่าขณะนี้เกิดความหวาดกลัวผีกะในพื้นที่เป็นอย่างมาก 
เพราะในช่วงระยะหลังมานี้มีคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้าน 
และในแต่ละบ้านมีไก่ตายบ้านละตัว สองตัว 

จนล่าสุดมีการลือว่า มีผู้พบเห็นเงาตะคุ่มคล้ายคน 
เป็นหญิงสาวมาขโมยกินไก่ที่เลี้ยงไว้ถึง 4 ตัว ในคืนเดียว

ขณะที่นางวิน สกุลรัตน์ คุณยายวัย 64 ปี 
อยู่บ้านเลขที่ 33 หม่ 4 บ้านโป่งฝาง ต.กลางดง 
อ.ทุ่งเสลี่ยม ยืนยันว่า กระแสข่าว
ที่ชาวบ้านกลัวผีกะนั้นเป็นเรื่องจริง
และเชื่อว่าในหมู่บ้านมีผีกะจริง 
ซึ่งจะเป็นวิญญาณที่อยู่ในร่างคน ซึ่งคนๆ 
นั้นจะรู้ตัวเองดีว่า มีผีกะอยู่กับตัว 
ซึ่งต้องปิดเป็นความลับ ไม่บอกกับใคร 
โดยผีกะจะชอบกินของสกปรก หรือเครื่องในไก่แบบสด
กบ และเขียด เมื่อผีกะออกหากินในกลางดึก 
มักถูกชาวบ้านเห็นหน้า จึงรู้ว่าใครเป็นผีกะ 

ดังนั้นเมื่อมีชาวบ้านคนใดจะปองร้ายผีกะ
หรือต่อว่าผีกะ จะทำให้ผีกะคับแค้นใจ 
และเข้าสิงชาวบ้านคนนั้น 
ส่วนไก่ที่ถูกกัดกินจะถูกกัดบริเวณก้นเพื่อกินเครื่องใน 
บางตัวคอขาดหายไปในลักษณะถูกขบกัด 
ซึ่งยืนยันว่าเป็นฝีมือของผีกะอย่างแน่นอน 

คุณยายวัย 64 ปี ยังเล่าอีกว่า 
มีวันหนึ่งมองลอดช่องไม้ขัดฝาบ้าน
เห็นเงาคล้ายหญิงสาวกำลังจับไก่ แต่พอตะโกนเรียกคนในบ้าน 
ภาพนั้นกลับกลายเป็นหมาดำ วิ่งหายไปในความมืด 
เหมือนเช่นที่ผู้เฒ่าผู้แก่เคยเล่าให้ฟัง 
ซึ่งล่าสุดชาวบ้านถึงกับต้องนำใบหนาดมาแขวนไว้
เพราะมีความเชื่อว่าใบหนาดจะช่วยปกป้องตนเองจากผีกะได้
อีกทั้งมีการพูดคุยกันว่าคนที่คิดว่าเป็นผีกะนั้น
ได้มาคุยกับเพื่อนบ้าน ถามว่าบ้านไหนมีไก่อ่อนบ้าง
จากนั้นไก่ในแต่ละบ้านได้ถูกกัดกินต่อเนื่องกว่า 1 สัปดาห์
โดยจะเกิดกับบ้านที่ผู้ชายไม่อยู่ และมีผู้หญิงเฝ้าบ้านเท่านั้น
จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์และวางมาตรการ
ป้องกันมีการเฝ้าเวรยาม และระวังสัตว์เลี้ยงที่อยู่ตามบ้าน


ขอบคุณข้อมูลจาก
  • ผีกะ บทความหลากหลายเรื่องเมืองล้านนา
  • ผีกะ ผีก๊ะ ผีปอบ ชวนกันเป็นชาวคติชน
  • http://www.pstip.com/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88/%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B0-%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.htmlผีกะ บริวารที่มองไม่เห็นในความเชื่อของคนไทย
  • HTTPS://MONTRA9MAHAWED.WORDPRESS.COM/2011/03/06/896/ผีกะ
  • HTTP://BOARD.PALUNGJIT.ORG/F12/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B0-549158.HTMการสืบทายาทผีกะ
  • NORTHERN THAILAND CULTURE[วัฒนธรรมคนเมืองเหนือ]

1 ความคิดเห็น:

  1. ข้อมูลของคุณผิดเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องผีกะและอื่นๆ ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนเผยแพร่สู่สาธารณะชนครับ!!! เขียนแบบนี้คุณควรไปศึกษาคติชนวิทยาและข้อมูลทางวัฒนธรรมให้ดีกว่านี้มากๆ!!

    ตอบลบ